วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555

เศรษฐศาสตร์มหภาค (Macroeconomics)

ศรษฐศาสตร์มหภาค (Macroeconomics) เป็นการศึกษาถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจส่วนรวม เช่น ผลผลิตรวมของประเทศ การจ้างงาน การเงินและการธนาคาร การพัฒนาประเทศ การค้าระหว่างประเทศ อัตราดอกเบี้ย ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นปัญหาที่กว้างขวางกว่าเศรษฐศาสตร์จุลภาค เพราะว่าไม่ได้กระทบเพียงหน่วยธุรกิจเท่านั้น แต่จะกระทบถึงบุคคล หน่วยการผลิต อุตสาหกรรมทั้งหมด และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ เศรษฐศาสตร์มหภาคนั้นจะมุ่งเน้นที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติเบี้องต้น (GNP) และการว่าจ้างงาน จะหาว่าอะไรเป็นสาเหตุให้ผลิตผลรวมและระดับการว่าจ้างงานมีการเคลื่อนไหว ขึ้นลง เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ตรงจุด เช่น ภาวะเงินเฟ้อเงินฝืด และปัญหาการว่างงาน เป็นต้น

จุดมุ่งหมายของเศรษฐศาสตร์มหภาค
       
          จุดมุ่งหมายของเศรษฐศาสตร์มหภาค การศึกษาเศรษฐศาสตร์มหภาคจะเน้นหน่วยเศรษฐกิจโดยส่วนรวมโดยเฉพาะเศรษฐกิจ ระดับชาติ ให้ระบบเศรษฐกิจดำเนินต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพ และดำเนินไปอย่างมีเสถียรภาพ โดยมีจุดมุ่งหมายดังต่อไปนี้
          1. เพื่อความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (Economic Progress) เป็นเป้าหมายทางเศรษฐกิจที่สำคัญของส่วนรวม เมื่อเศรษฐกิจมีความเจริญเติบโต คือ มีการลงทุน การผลิต และการบริโภคสินค้าและบริการเพิ่มมากขึ้น ย่อมแสดงว่ามีความสามารถในการจัดสรรทรัพยากรของประเทศที่มีจำกัด ให้ประชากรมีความกินดีอยู่ดีขึ้น มีสินค้าและบริการสนองความต้องการเพิ่มสูงขึ้นนั้นเอง ซึ่งเราสามารถวัดได้จาก ตัวเลขรายได้ประชาชาติที่แท้จริง (real national income) และรายได้ที่แท้จริงต่อหัวของประชากรในประเทศ (per capita real income)
          2. เพื่อความมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ (Economic Stability) เศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ จะมีการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาค่อนข้างคงที่ ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ความมีเสถียรภาพภายในดูได้จากดัชนีราคาสินค้า (price index) หรือดัชนีราคาผู้บริโภค (consumer price index) และมีระดับการจ้างงานที่สูงพอสมควรส่วนเสถียรภาพภายนอกดูจากอัตราแลกเปลี่ยน เงินตราสกุลของประเทศกับต่างประเทศ ซึ่งรัฐบาลสามารถเข้ามาแทรกแซงได้ถ้าเศรษฐกิจขาดเสถียรภาพ โดยใช้นโยบายการเงิน (monetary policy) และนโยบายการคลัง (fiscal policy) เข้าช่วย
          3. เพื่อความยุติธรรมทางเศรษฐกิจ (Economic justice) เพราะว่าทรัพยากรธรรมชาติมีอยู่อย่างจำกัด แต่ ประชากรมีความต้องการไม่จำกัด รัฐบาลในแต่ละประเทศเข้ามาจัดการการจัดสรรทรัพยากรทีมีจำกัดเพื่อก่อให้เกิด ประโยชน์ต่อประชากรส่วนใหญ่อย่างเท่าเทียมกัน โดยการกระจายรายได้ การให้สิทธิ์ในทรัพย์สิน การบริการสาธารณูประโภคขั้นพื้นฐานในราคาที่ทุกคนสามารถใช้บริการได้เท่า เทียมกัน และมีการจัดเก็บภาษีอากรในอัตราก้าวหน้าเพื่อลดความเหลื่อมล้ำของรายได้ ให้มีความเท่าเทียมกันมากที่สุด
          4. เพื่อให้มีเสรีภาพทางเศรษฐกิจ (Economic Freedom) เสรีภาพทางเศรษฐกิจ คือ การที่ประชาชนมีสิทธิ์ในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ มีเสรีในการเลือกการบริโภคและการประกอบการอื่นในเศรษฐกิจซึ่งขอบเขตก็มีความ แตกต่างกันไปซึ่งขึ้นอยู่กับการปกครองของประเทศนั้น ๆ ในประเทศที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมย่อมมีเสรีภาพมากกว่า ประเทศที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม

ความสำคัญของเศรษฐศาสตร์มหภาค

          ความสำคัญของเศรษฐศาสตร์มหภาค เนื่องจากเศรษฐศาสตร์มหภาคเป็นความสัมพันธ์ของตัวแปรต่าง ๆ ของระบบเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งมีผลต่อความเป็นอยู่ของประชาชนทุกคน ดังนั้นเศรษฐศาสตร์มหภาคจึงมีความสำคัญดังนี้
          1. ประชาชนทั่วไป ประชาชนเป็นพลเมืองส่วนใหญ่ของประเทศ ถ้ามีความเข้าใจในภาวะเศรษฐกิจก็จะสามารถปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของ เศรษฐกิจได้อย่างทันท่วงที และจะช่วยให้ประชาชนเข้าใจและสามารถที่จะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลได้อย่างดี ยิ่งขึ้น
          2. ผู้ประกอบการ ไม่ว่าผู้ประกอบการอาชีพใดก็ต้องอาศัยความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ในการประกอบการ ตัดสินใจบริหารงานต่าง ๆ ซึ่งจะสามารถปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจได้ และเป็นการลดความเสียงจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจได้อีกด้วย
          3. เครื่องมือวิเคราะห์ สำหรับผู้ที่มีความรู้ในทางเศรษฐศาสตร์ในระดับสูงในทฤษฏีเศรษฐศาสตร์มหภาค เกี่ยวกับรายได้ประชาชาติ วัฎจักรเศรษฐกิจ การเงินและการธนาคาร การคลังรัฐบาล การค้าระหว่างประเทศ และการพัฒนาเศรษฐกิจ จะเป็นเครื่องมือขึ้นต้นประกอบการวิเคราะห์เศรษฐกิจในขั้นต่อไป

ที่มา  by นุชนาฏ

เศรษฐศาสตร์จุลภาค (Microeconomics)

เศรษฐศาสตร์จุลภาค (Microeconomics) เป็นเศรษฐศาสตร์สาขาหนึ่งซึ่งศึกษาพฤติกรรมและการตัดสินใจของบุคคล ครัวเรือน และบริษัท ในการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด โดยเฉพาะในตลาดซึ่งมีการซื้อขายสินค้าและบริการ เศรษฐศาสตร์จุลภาคศึกษาว่าพฤติกรรมและการตัดสินใจเหล่านี้มีผล กระทบอย่างไรต่ออุปสงค์และอุปทานของสินค้าและบริการ ซึ่งเป็นตัวกำหนดราคา และในทางกลับกัน ราคากำหนดอุปสงค์และอุปทานของสินค้าและบริการอย่างไร

          จุดประสงค์หนึ่งของเศรษฐศาสตร์จุลภาคคือการวิเคราะห์กลไกตลาดซึ่งเป็นตัว กำหนดราคาเปรียบเทียบระหว่างสินค้าและบริการ และการจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดเพื่อใช้ในทางเลือกต่าง ๆ เศรษฐศาสตร์จุลภาคศึกษาเกี่ยวกับความล้มเหลวของตลาด ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่กลไกตลาดไม่สามารถทำให้เกิดผลที่มีประสิทธิภาพได้ และยังอธิบายเกี่ยวกับข้อแม้ทางทฤษฎีที่จำเป็นต่อการเกิดการแข่งขันสมบูรณ์ สาขาที่สำคัญในเศรษฐศาสตร์จุลภาค เช่น ดุลยภาพทั่วไป ตลาดภายใต้ความไม่สมมาตรของข้อมูล การตัดสินใจภายใต้ความไม่แน่นอน และการประยุกต์ใช้ทฤษฎีเกมในทางเศรษฐศาสตร์

สมมติฐานและนิยาม
       
          ในทฤษฎีอุปสงค์และอุปทานมักตั้งสมมติฐานไว้ว่าตลาดเป็นตลาดแข่งขันสมบูรณ์ ซึ่งหมายถึงการที่มีผู้ขายและผู้ซื้อในตลาดมากมาย และไม่มีใครสามารถส่งผลให้ราคาของสินค้าและบริการเปลี่ยนแปลงได้ (แต่ในโลกความเป็นจริง สมมติฐานนี้มักไม่เป็นจริงเพราะผู้ซื้อหรือผู้ขายบางคนหรือบางกลุ่มมีอำนาจ ที่จะเปลี่ยนแปลงราคาได้) ในการวิเคราห์ที่ซับซ้อนบางครั้งต้องกำหนดสมการอุปสงค์-อุปทานของสินค้า แต่อย่างไรก็ตาม ทฤษฎีนี้ใช้อธิบายได้ดีในสถานการณ์ที่ไม่ยุ่งยากเกินไปนัก

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

Mind Map เทคนิคบัญชีขั้นเทพ 1/2

Mind Map สิ้นงวด&ต่อเนื้อง

เรื่องหุ้น

UV เพิ่มทุนหมื่นล้าน เทกโอเวอร์ GOLD สถิติ "เสี่ยเจริญ" เข้าหุ้นตัวไหนขึ้น 4-6 เท่าตัว
"ยูนิเวนเจอร์" มาตามนัดเพิ่มทุนเฉียดหมื่นล้านบาท อัตราใช้สิทธิ์ 1 หุ้นเดิมต่อ 3-4 หุ้นใหม่ ราคา
หุ้นละ 2.5 บาท นำไปเทกฯ บริษัทแผ่นดินทอง ราคาหุ้นละ 5.5 บาท และ GRAND-U เพื่อขยายอาณา
จักรธุรกิจอสังหาฯ ด้านโบรกแนะถือ GOLD ยาว ขึ้นชื่อหุ้นเสี่ยเจริญ อย่างน้อย 4-6 เท่าตัว

SAMART ครึ่งหลังเด่น ลุ้นงานทีโอที 2 หมื่นล.
SAMART แย้มรายได้ครึ่งปีหลังแจ่ม ทั้งปีมั่นใจรายได้พุ่ง 2.3 หมื่นล้านบาท ได้ SAMTEL หนุนราย
ได้หลัก ลุ้นสิ้นปี มีโอกาสได้งาน 3 จี เฟส 2 ของทีโอทีมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท การันตีกำไรปีนี้เกิน 1
พันล้านบาท หลังประมูล 3 จี ดันยอดขายสมาร์ทโฟนโต

คมนาคมโละสายสีแดง แก้ปัญหาแอร์พอร์ตลิงค์
"ชัจจ์" ผุดไอเดียยกเลิกโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงบางซื่อ-รังสิต เหตุลงทุนซ้ำซ้อนกับแอร์พอร์ตลิงค์
คมนาคมทุ่มงบฯ 176,000 ล้านบาท ปรับโครงสร้างกิจการ ร.ฟ.ท. ภายใน 3-5 ปี โดยแยกเป็น 3
หน่วยธุรกิจ

CPALL เกาะ LPN เปิดสาขา
CPALL สบช่องเกาะคอนโดขยายสาขา จับมือ LPN เปิดเซเว่น อีเลฟเว่นในโครงการ ประเดิม 10
โครงการ งบลงทุน 4-5 ล้านบาทต่อสาขา ฟาก LPN หวังเสริมบริการลูกค้า โชว์แบ็กล็อก 2 หมื่นล้านบาท
จ่อรับรู้รายได้ปีนี้หมื่นล้านบาท

SC โรดโชว์ฮ่องกงขายคอนโด 10 ล้าน รายได้ครึ่งหลังหรู
SC ลุยโรดโชว์ฮ่องกง นำคอนโดหรูย่านสุขุมวิท 34 ราคากว่า 10 ล้านบาทจำนวน 15 ยูนิตไปขาย
เสริมยอดขายพุ่ง ลุ้นรายได้ครึ่งปีหลังนิวไฮ เหตุไตรมาส 4 จ่อโอนคอนโด 3 แห่ง มูลค่ากว่า 1,760
ล้านบาท ย้ำรายได้ทั้งปี 8,000 ล้านบาท

บจ.ไทยปันผลสนั่น ครึ่งปีแรก 1.18 แสนล.
บจ.ไทยทำสถิติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปี 1.18 แสนล้านบาทสูงสุดเป็นประวัติการณ์
เรียงลำดับ ADVANC, PTT, PTTEP, SCC, DTAC และ CPF

SITHAI อัพเป้ารายได้ปีนี้ 8 พันล้าน ส่งซิกกำไร 500 ล้านบาท ออเดอร์ฝาปิดขวดทะลัก
SITHAI ขยับเป้ารายได้ปีนี้เพิ่มเป็น 8,000 ล้านบาท จากเดิมตั้งเป้าไว้ 7,800 ล้านบาท ลุ้น
กำไรสุทธิ 500 ล้านบาท หลังออเดอร์ฝาเปิดขวดและผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ ด้านอาหารและเครื่องดื่มมีการ
เติบโตเพิ่มขึ้น มั่นใจรายได้และกำไรปีนี้จะสูงสุดเป็นประวัติการณ์

SYNEX รับสภาพกำไรโตไม่ถึง 20% ตลาดไอทีชะลอตัว-ลุ้นครึ่งหลังฟื้น
SYNEX ลดเป้ารายได้ปีนี้เหลือโต 6-8% จากเดิมคาดไม่ต่ำกว่า 12-15% ส่วนกำไรสุทธิโต 5-10%
จากเดิมตั้งไว้ 20% หลังตลาดไอทีชะลอตัว เชื่อครึ่งหลังจะดีขึ้นหลังการให้บริการ 3G และการเปิดตัว
วินโดว์ 8 เข้ามากระตุ้นตลาด แย้มไตรมาส 3/55 ดีต่อเนื่องจากไตรมาส 2/55 หลังส่งสมาร์ทโฟน-แท็บ
เล็ตบุกตลาดเพิ่ม

EUREKA ยื่นไฟลิ่งกลต. ขายไอพีโอ 50 ล้านหุ้น ลุยเข้าเทรดตลาด mai
"ยูเรก้า ดีไซน์" ได้ฤกษ์ยื่นไฟลิ่งเตรียมขายไอพีโอ 50 ล้านหุ้น เข้าเทรดในตลาด mai ระดมทุน
นำเงินพัฒนาระบบไอที เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเครื่องจักรและเป็นทุนหมุนเวียน พร้อมคว้ารางวัล
SMEs Excellence Awards 2011

QLT เบรกแผนลงทุนเวียดนาม เหตุเศรษฐกิจชะลอตัว รุกประมูลท่อก๊าซปตท.
QLT ทบทวนแผนเทกโอเวอร์เวียดนามเหตุเศรษฐกิจชะลอตัว งานไม่เป็นตามคาดไว้ แถมราคาซื้อ
ขายหุ้นไม่ดึงดูด ลั่นปีนี้ไม่เห็นการลงทุน เตรียมเข้าประมูลงานท่อก๊าซปตท. เส้นวังน้อย-นครสวรรค์และ
แก่งคอย-นครราชสีมา ส่วนรายได้ปีนี้เติบโต 5-10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 357 ล้านบาท ตุนแบ็กล็อก 220
ล้านบาท

PJW ราคาไม่แพงอัพไซด์ 34% ครึ่งปีหลังแจ่มออเดอร์ทะลัก
PJW มั่นใจรายได้ครึ่งหลังโตกว่าครึ่งปีแรก รับออเดอร์พุ่ง-กำลังการผลิตเพิ่มดันรายได้ปีนี้โตไม่ต่ำ
กว่า 20-25% โบรกเกอร์แนะซื้อเก็งกำไร เหตุมีอัพไซด์ 34% ปีนี้คาดกำไร 194 ล้านบาท

หุ้นยานยนต์มาร์เก็ตแคปพุ่ง STANLY ยึดเบอร์หนึ่ง TRU ขึ้นที่สาม แซงหน้า AH
หุ้นยานยนต์มาร์เก็ตแคปพุ่งพรวด STANLY ยึดเบอร์หนึ่งมูลค่าพุ่ง 1.6 หมื่นล้าน SAT รับอันดับสอง
เฉียด 1 หมื่นล้าน ขณะที่ TRU ปาดโค้งขึ้นเบอร์สามมูลค่า 5.3 พันล้านบาท ส่วน AH อันดับ 4 มาร์เก็ต
แคป 4.8 พันล้าน

EARTH เชื่อไตรมาส 4 ถ่านหินฟื้นตัว มั่นใจราคาไม่หลุด 90 เหรียญ เพียงแค่อ่อนตัวตามซีซั่น
EARTH เชื่อ "ราคาถ่านหิน" ไม่หลุด 90 เหรียญต่อตัน ลั่นแค่อ่อนตัวตามซีซั่น มั่นใจราคาฟื้นตัวไตร
มาส 4 ย้ำไม่กระทบเพราะมีเหมืองของตัวเอง วงการเงินชี้ระยะยาว ราคาถ่านหินยังโตต่อเนื่อง แนะเก็บ
BANPU หลังราคาหุ้นตอบรับข่าวร้ายไปแล้ว

GOLD ร้อนเจอ Cash Balance 10-28 ก.ย.นี้
รายงานจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กำหนดให้ผู้จะซื้อหุ้นบริษัท แผ่นดินทอง
พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GOLD ต้องวางเงินสดเต็มจำนวนก่อนซื้อตั้งแต่วันที่
10-28 ก.ย.นี้ ทั้งนี้ เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดให้สมาชิก (โบรกเกอร์) ต้องดำเนินการให้ลูกค้าวาง
เงินสดล่วงหน้ากับสมาชิกเต็มจำนวนที่จะซื้อ (Cash Balance) โดยราคาหุ้น GOLD ปิดล่าสุด 7 ก.ย. 55
ไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ที่ 7.25 บาท ขณะที่ก่อนหน้านี้หุ้น GOLD ปรับขึ้นแรงจากระดับ ราคาที่ 7.20 บาท เมื่อ
วันที่ 27 ส.ค. มาสู่ระดับสูงสุดที่ 8.55 บาท เมื่อวันที่ 3 ก.ย. ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบ
กับก่อนหน้านี้

หุ้นทั่วโลกขานรับแผนการของอีซีบี ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐก็ดีกว่าที่คาด
ตลาดหุ้นดีดตัวขึ้นทั่วโลกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาหลังจากที่ประธานธนาคารกลางยุโรปเสนอแผนจัดการ
วิกฤติหนี้ของยุโรปด้วยการซื้อพันธบัตรที่มีอายุไถ่ถอน 1-3 ปี อย่างไม่จำกัด ขณะเดียวกันข้อมูลเศรษฐกิจ
สหรัฐดีกว่าคาด

Inside ตลาดหุ้น : ตลาดหุ้นไทย

ผ่อนคลายอารมณ์ กับ ชิงร้อยชิงล้าน

น้ำกับผิวของเรา

คนเรานั้นไม่สามารถถอดได้ทนกว่าอดอาหาร น้ำจึงมีความสำคัญรองจากอากาศเลยทีเดียว หากขาดน้ำหลายวันผิวพรรณจะซูบซีดไม่มีเรี่ยวแรงอย่างรวดเร็ว

น้ำ เป็นปัจจัยสำคัญต่อสิ่งมีชีวิตทุกชีวิตเลยทีเดียวเพราะนั้นจะเข้าไปช่วยหล่อเลี้ยงอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายให้อย่างคล่องตัวทำให้ร่างกายสดชื่น ชุ่มฉ่ำ โลหิตไหลเวียนดีร่างกายเราจะมีการเรียกร้องโดยอัตโนมัตื เมื่อต้องกานน้ำ หรือกำลังขาดน้ำ

นอกจากน้ำจะช่วยให้ทุกส่วนทำงานได้สอดคล้องกันดีแล้วยังช่วยควบคุมอุณหภูมิของรางกายให้คงที่ ฉะนั้นคนเราจึงควรได้รับน้ำในปริมาณเพียงพอทุกวัน

บางคนอาจเคยได้ยิน คนพูกว่าให้ดื่มน้ำมากเพราะว่าการดื่มน้ำมากเท่าไรก็ไม่มีโทษ แต่น้ำนั้นต้องบริสุทธิ์ สะอาด ผ่านการฆ่าเชื่อโรคมาแล้ว

น้ำดื่มที่บริสุทธิ์สะอาด ช่วยสร้างความชุ่มฉ่ำให้กับร่างกายรวมทั้งผิวพรรณของคุณก็สดใส เปล่งปลั่ง ยิ่งดื่มน้ำมากเท่าไหร่ น้ำก็ช่วยขับของเสียออกได้มากขึ้น ของเสียที่ถูกขับจะออทางรูขุมขน ที่เราเรียกว่าเหงื่อ ขับออกมาทางปัสสาวะ

น้ำจึงน้ำหน้าที่เหมือนตัวล้างพิษ ล้างของเสียออกจากร่างกายนอกจากจะช่วยหล่อเลี้ยงร่างกายแล้ว จะสังเกตไดว่าเมื่อเราดื่มน้ำมากๆ ก็สามารถอุจจาระได้คล่อง ระบบการย่อยอาหารไม่ติดขัด

บุคคลทำงาน ซึ่งต้องสูญเสียเหงื่อมากอย่างเช่น กรรมกร แบกหาม คนงานก่อสร้าง จะต้องต้องการน้ำมากกว่าบุคคลที่ทำงานไม่ไช่แรง


ที่มา admin

แวะชมสถานที่ท่องเที่ยว ในประเทศไทย

แวะเที่ยวที่จังหวัดกระบี่

ทะเลแหวก article
ทะเลแหวก ลึกล้ำเข้าไปกลางทะเลลึกแห่งอันดามัน ช่วงเวลาหนึ่งที่เรานั่งเรือชมเกาะรูปร่างสวยงามแปลกตา ใครจะเชื่อว่า อีกชั่วข้ามเวลาหนึ่งทะเลที่เราผ่านมาชั่วครู่ จะลดระดับน้ำดุจทะเลแหวกออก จนกลายเป็นหาดทรายขาวสะอาดเชื่อมเกาะสามเกาะอย่างอัศจรรย์ ทะเลแหวกเป็นกลุ่มของเกาะ 3 เกาะ ที่มีหาดทรายเชื่อมติดกันได้แก่  เกาะทับ เกาะหม้อ และ เกาะไก่ ท่านสามารถเดินข้ามจากเกาะไก่ไปยังเกาะทับได้ในยามน้ำลง หากจะให้ดีก็ควรจะเป็นในช่วงน้ำลงต่ำสุดในแต่ละวัน โดยเฉพาะในวันก่อนและหลังวันขึ้น 15 ค่ำ ราว 5 วัน ในอดีตนักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือ มาตกปลา มากางเต้นท์ นอนนับดาวในคืนเดือนแรม หรือชมแสงจันทร์ในคืนเดือนเพ็ญ ค้างคืนบนเกาะได้ แต่ปัจจุบัน ไม่อนุญาตให้นอนค้างแรมบนเกาะแล้ว ทะเลแหวกถือว่าเป็นไฮไลท์สำหรับแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลของกระบี่เลยทีเดียว มาเที่ยวทะเลกระบี่ทั้งที ต้องมาเที่ยวทะเลแหวกให้ได้สักหนึ่งหน

เกาะทัพ เป็นเกาะเล็กๆ มีหาดทรายเฉพาะด้านใต้ ยามน้ำลด หาดทรายทางด้านใต้นี้ จะเชื่อมต่อกับแนวสันทรายของเกาะปอดะนอก กลายเป็นสะพานธรรมชาติยาวประมาณ 200 เมตร แม้จะเป็นหาดทรายเล็กๆ แต่เม็ดทรายละเอียดและขาวมาก น้ำทะเลใส

เกาะหม้อ เป็นโขดหิน ไม่มีชายหาดให้ขึ้นไปบนเกาะ น้ำทะเลใสสะอาด เกาะหม้อ อยู่ห่างจากเกาะทัพ
เพียง 70 เมตร หากน้ำลดจะมีสันทรายเชื่อมต่อกัน สามารถเดินจากเกาะหนึ่งไปอีกเกาะหนึ่งได้
 
เกาะปอดะนอก หรือ เกาะไก่ หรือเกาะด้ามขวาน เกาะรูปร่างประหลาด ซึ่งกลายเป็นที่มาของชื่อเกาะอันหลากหลาย เนื่องจากชะง่อนผาที่ยื่นออกมาทางด้านใต้ ทำให้ผู้พบเห็นเกิดจินตนาการต่างๆกันไป บ้างก็เห็นเกาะคล้ายกับส่วนหัวของไก่ บ้างก็เห็นเป็นด้ามขวานที่วางตั้งอยู่ แต่ฝรั่งตาน้ำข้าวกลับมองเห็นเป็นป็อบอาย ตัวการ์ตูนดังในสมัยยังแรกรุ่น หรือบางท่านอาจจะยังอยู่ในวัยอ่อนเดียงสา กำลังนอนคาบไปป์อย่างมีความสุข ท่านสามารถดำผิวน้ำชมปะการังน้ำตื้น หรือปะการังแข็งได้ที่เกาะไก่นี้ แต่ความสมบูรณ์ของปะการังก็คงไม่อาจเทียบเท่ากับแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆที่ ห่างไกลจากผืนแผ่นดินใหญ่ ความประทับใจที่ท่านจะได้พบ ก็คงจะเป็น หาดทรายขาวทอดยาว เคียงคู่ไปกับน้ำทะเลสวยใส กับปลาลายเสือฝูงใหญ่ ที่มีมนุษยสัมพันธ์เป็นเลิศ ที่มักจะมารอคอยต้อนรับ และ พร้อมที่จะเล่นกับผู้มาเยือนอยู่เสมอ

              

วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2555

การใช้ Excel จัดทำบัญชีรายรับรายจ่าย(บัญชีเงินสด)

บทความนี้ขอนำเสนอเรื่องใกล้ตัวของเราทุกคนครับ นั่นคือการจัดทำบัญชีรายรับรายจ่าย โดยตามหลักทฤษฎีแล้วหากทำธุรกิจแล้วต้องการเพิ่มกำไรให้มากขึ้นมีวิธีการทำอยู่ 2 วิธีคือ

  1. การเพิ่มยอดขาย
  2. การลคค่าใช้จ่าย
ในชีวิตประจำวันของเราก็เช่นกัน หากต้องการมีเงินเก็บมากขึ้นก็ทำได้สองวิธีคือ เพิ่มรายรับและลดรายจ่าย ซึ่งดูแล้วเป็นเรื่องง่ายๆแต่ในทางปฎิบัติทำได้ไม่ง่ายนัก ในปัจจุบันมีการรณรงค์ให้จัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายเพื่อคอยตรวจสอบการใช้จ่ายและช่วยวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายต่างๆว่าสิ่งใดจำเป็น สิ่งใดไม่จำเป็น เพื่อจะได้วางแผนการใช้จ่ายในเดือนต่อๆไปได้ ผมเองก็จัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายด้วยเช่นกัน โดยผมใช้ excel ช่วยในการจัดทำบัญชีรายรับรายจ่าย ในบทความนี้ผมขอนำเสนอการจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายแบบง่ายซึ่งผมก็ใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยเราจะเริ่มจากการบันทึกรายการที่เกิดขึ้นในการดำเนินชีวิตของเราในแต่ละวันไม่ว่าจะเป็น รายรับ หรือ รายจ่าย โดยจะเรียงวันที่ตามวันที่เกิดขึ้นจริงๆลงในไฟล์ excel โดยจะทำการบันทึกรายการและจำนวนเงินของรายการที่เกิดขึ้นแยกออกเป็นสอง ประเภทคือ รายรับ และ รายจ่าย บัญชีรายรับรายจ่ายที่ถูกบันทึกแสดงได้ดังภาพที่ 1
บัญชีรายรับรายจ่าย
ภาพที่ 1 ตัวอย่างบัญชีรายรับรายจ่าย
วัตถุประสงค์ในการจัดทำบัญชีรายรับรายจ่าย ก็เพื่อให้เราทราบสถานะทางการเงินหรือ Cash flow ของเราเอง ดังนั้นในการบันทึกรายการลงบัญชีรายรับรายจ่าย เจ้าของบัญชีต้องทราบจำนวนเงินสุทธิในบัญชี ซึ่งผู้ใช้งาน excel สามารถทำได้โดยง่ายดังนี้
  1. คลิกเซลล์ F4 พิมพ์สูตร excel ดังนี้ = D4 – E4
  2. คลิกเซลล์ F5 พิมพ์สูตร excel ดังนี้ = F4 + D5 – E5
  3. ทำการ AutoFill ลงมาถึงแถวที่ 11 จะได้ผลดังแสดงในภาพที่ 2
  4. ในกรณีที่ผู้จัดทำบัญชีรายรับรายจ่าย ต้องการทราบรายจ่ายสุทธิและรายรับสุทธิตั้งแต่วันที่ 1 ของเดือน จนถึง ปัจจุบัน ก็สามารถทำได้โดยการใช้สูตร excel : AutoSum ก็จะได้ผลดังแสดงในภาพที่ 2
บัญชีรายรับรายจ่าย2
ภาพที่ 2 บัญชีรายรับรายจ่ายแบบสมบูรณ์
ท่านผู้อ่านจะเห็นว่าการจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายที่ได้นำเสนอไปนั้นเป็นรูปแบบที่ง่ายต่อการจัดทำ สิ่งที่สามารถวิเคราะห์ได้จากการจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายลักษณะนี้คือจำนวนเงินสุทธิที่เหลือ ณ ปัจจุบัน รวมถึงแนวโน้มรายจ่ายของเจ้าของบัญชีนั่นเอง ในกรณีที่ต้องการวิเคราะห์ผลมากกว่านี้ บัญชีรายรับรายจ่ายที่จัดทำต้องมีรูปแบบที่ซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งผมจะนำเสนอในบทความต่อๆไปครับ สวัสดีครับ
ปล ปัจจุบันผมก็จัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายของตัวเองในลักษณะนี้ซึ่งช่วยได้เยอะครับกับการบริหารจัดการการใช้เงิน

 

เรียนอย่างไรให้เก่ง



 

dot
เรียนอย่างไรให้เก่ง

               

  เพิ่มประสิทธิภาพการเรียน 
  หลักการเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนหนังสือ 6 ประการซึ่งมีผู้นำไปปฏิบัติแล้วได้ผลดีมีดังนี้ 
 1. สะสม(Gradual) เรียนอย่างค่อยเป็นค่อยไป สะสมวันละนิดไม่ใช่หักโหมก่อนสอบ
 2. ทำซํ้า( Repetition) ทบทวน ท่อง และทำแบบฝึกหัดซํ้า ๆ
 3. ย้ำรางวัล(Reinforcement) ควรให้รางวัลตัวเองเมื่อ ทำงานสำเร็จในแต่ละครั้งเพื่อให้ขยันขึ้น
 4. ขยันคิด(Active Learning) จงใส่ใจคิดตามเสมออย่าฟังหรืออ่านไปเรื่อย ๆ
 5. ฟิตปฏิบัติ(Practice) ต้องลงมือปฏิบัติให้เกิดความชำนาญไม่ใช่รู้แต่ทฤษฏีอย่างเดียว การลงมือปฏิบัติจริงจะทำให้จำแม่นยำเกิดการถ่ายโยงความจำระยะสั้นให้เป็น ระยะยาว
 6. หาทางบังคับตัวเอง (Stimulus Control) โดยอาศัยการจัดสิ่งแวดล้อมเป็นตัวเร่งและกระตุ้น

  จากหลักการเพิ่มประสิทธิภาพการเรียน 6 ประการดังกล่าว ถ้าเราปฏิบัติตนให้ถูกวิธี เราจะประสบผลสำเร็จ มีผู้เสนอข้อปฏิบัติตนที่ดีไว้มากมาย ต่อไปนี้เป็นข้อปฏิบัติตนที่ได้คัดเลือกให้ท่านลองนำไปปฏิบัติดูเพียง 5 ข้อ
ข้อปฏิบัติตนของการเป็นผู้เรียนที่ดี

                
 1. เวลาฟังอาจารย์สอนหรือเวลาอ่าน ต้องคิดตาม ถาม จด ตลอดเวลา ถ้าไม่เข้าใจควรจดคำถามไว้เพื่อคิดค้นคว้าหรือถามผู้รู้ต่อไป
 2. หามุมที่ใช้เป็นที่ดูหนังสือหรือทำการบ้านที่จะทำให้มีประสิทธิภาพ
 3. จัดเวลาสำหรับทบทวนสิ่งที่เรียนมา หรืออ่านล่วงหน้าสิ่งที่จะเรียนต่อไป และถ้าปฏิบัติตามที่กำหนดได้ควรให้รางวัลตัวเอง เช่น ได้ขนม ได้เล่น ได้ฟังเพลง ดูทีวี ได้ออกกำลัง เป็นต้น ถ้าทำไม่ได้ตามกำหนดควรหาเวลาชดเชย
 4. ท่องหนังสือกับเพื่อน อย่าหวงวิชา แบ่งปันความรู้อธิบายให้กันและกัน อย่าช่วยเหลือเพื่อนในทางที่ผิด เช่น ทุจริตเวลาสอบ หรือให้ลอกงานโดยไม่เข้าใจ
 5. ฝึกศึกษาด้วยตนเอง มิใช่ต้องเรียนจากครูเพียงอย่างเดียว การศึกษาด้วยตนเองต้องใช้สมาธิมาก ต้องทำความเข้าใจจดสาระสำคัญต่าง ๆ ลงในโน้ตย่อ จดสิ่งที่ไม่เข้าใจไว้ค้นคว้าต่อไป

  ขอให้ท่านลองปฏิบัติตาม 5 ข้อนี้ โปรดสำรวจตัวท่านเองทุกสัปดาห์ว่า ท่านยังขาดข้อใดบ้างพยายามปรับปรุงทำให้ได้ ต้องอดทน แม้ว่าจะเป็นนิสัยเดิมก็ตาม ถ้าท่านทำได้รับรองว่าท่านจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในการเรียนคนหนึ่งแน่ นอน
หากท่านยังไม่สามารถปฏิบัติตนดังกล่าวได้ ท่านต้องหาสาเหตุอื่น ๆ อีกเช่น
 ท่านขาดแรงจูงใจในการเรียนหรือไม่
 เวลาทำใจไม่จดจ่อ (ขาดสมาธิ) ใช่หรือไม่
 อ่านเท่าไรก็ไม่จำ (อ่านไม่เป็น) ใช่หรือไม่ 

 คิดเท่าไรก็ไม่ออก ใช่หรือไม่

  ถ้าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกับ ตัวท่านแล้ว ท่านจะต้องหาทางแก้ไขและฝึกฝนตนเองในจุดที่ท่านบกพร่องเช่นในด้านความจำ เป็นสิ่งสำคัญมากในการเรียนคณิตศาสตร์ เราต้องทำความเข้าใจก่อนแล้วจำ
ทำอย่างไรเราจะจำดี
 จากการศึกษาของนักจิตวิทยาเกี่ยวกับการจำการลืมของมนุษย์พบว่า คนเรามีอัตราการจำหรือลืมดังนี้
 เมื่อเวลาผ่านไป  หนึ่งวัน คนเราจะจำเรื่องราวที่ตนอ่านไปได้ประมาณ 50% และลดลงไปอีกครึ่งหนึ่งทุก ๆ 7 วัน จนในที่สุด จะนึกไม่ออกเลยเมื่อผ่านไป 21 วัน 
 ทางแก้การลืมความรู้ก็คือไปทบทวนทันทีที่เราเรียนในแต่ละ วันเพื่อมิให้เกิน 24 ชั่วโมง จากนั้นเราทิ้งช่วงไปทบทวนรวบยอดในวันหยุด เสาร์ อาทิตย์ เพื่อมิให้เกิน 7 วัน ทุกวันหยุดสุดสัปดาห์จะทบทวนสิ่งที่เรียนมาทั้งสัปดาห์  เนื่องจากแต่ละวันความรู้จะพอกพูนขึ้นไปเรื่อย ๆ เราควรทำโน้ตย่อและทบทวนจากโน้ตย่อสาระสำคัญ จะช่วยให้เราเสียเวลาทบทวนน้อยลง

บทความโดย : ผ.ศ.ดร.สมวงษ์ แปลงประสพโชค
ที่มา : ศูนย์พัฒนาสื่อการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ พระนคร










dot


































dot
dot



















 
StatCounter - Free Web Tracker and Counter   
“ในการก้าวเข้าสู่ยุคประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่กำลังจะมาถึง นี้ นักบัญชีต้องเตรียมพร้อมรับมือกับการแข่งขันเสรีที่ทวีความรุนแรงมากยิ่ง ขึ้นและทำให้ บทบาทของนักบัญชีในปัจจุบันมีขอบเขตมากกว่านักบัญชีรุ่นก่อน  สถาบันพัฒนาวิชาชีพบัญชีเป็นหนึ่งในสถาบันที่ได้รับการยอมรับจากนักบัญชี ทั่วประเทศไทยในการให้บริการวิชาการและงานด้านต่าง ๆ เพื่อพัฒนาความรู้ ทักษะ และเติมเต็มประสบการณ์ในวิชาชีพบัญชีมากว่า 8 ปี ทำให้ท่านมั่นใจได้ว่า นักบัญชีไทย ไม่น้อยหน้าใครในโลก”
ที่มา : ดร.เอกพล คงมา
ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนานักวิชาชีพบัญชี

คุณสมบัติของนักบัญชีมืออาชีพตามข้อกำนดของ IES

      เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่าสภาสมาชิกบัญชีในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นสมาชิกของสหพันธ์นักบัญชีสากล (International Federation of Accountance : IFAC) จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก สำหรับผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีที่จะต้องปฏิบิติตามมาตรฐานกสนศึกษาสากล (International Education Standard : IES) ที่ออกโดย IFAC ทั้ง 8 ฉบับ ซึ่งได้กำหนดคุณสมบัติของนักบัญชีมืออาชีพดังมีรายละเอียดสรุปได้ดังนี้
  1. นักบัญชีมืออาชีพจะต้องสำเร็จการศึกษา ขั้นต่ำทางด้านบัญชีในระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่าจากสถาบันการศึกษาที่เปิด การเรียนการสอนหลักสูตรวิชาการบัญชี ซึ่งได้กำหนดวิธีการคัดเลือกเข้าศึกษาด้านการบัญชีอย่างเป็นระบบ และมีการจัดการเกี่ยวกับหลักสูตรการบัญชีการบัญชี (Content of Professional Accounting Education Programs) ที่จะทำให้ผู้สำเร็จการศึกษามีความรู้ทางวิชาชีพบัญชีระดับสูง และสามารถพัฒนาตนเองเป็นนักบัญชีมืออาชีพได้ในอนาคต ใน IES ฉบับที่ 2 ได้แบ่งองค์ความรู้ในหลักสูตรการบัญชีเป็น 3 ส่วน คือ การบัญชี การเงิน และความรู้อื่นที่เกี่ยวข้อง  (Accounting, Finance and Related Knowledge) ความรู้เกี่ยวกับธุรกิจขององค์กร (Organizational and Business Knowledge)
  2. นักบัญชีมืออาชีพต้องมีทักษะทาง วิชาชีพ (Professional Skills) ในด้านต่างๆ ได้แก่ ทักษะด้านสติปัญญา (Intellectual Skill) ทักษะด้านเทคนิคทั่วไปและเทคนิคเฉพาะเกี่ยวกับวิชาชีพ (Technical Skill) ทักษะส่วนบุคคล (Personal Skill) ทักษะในการสื่อสารและการทำงานร่วมกับผู้อื่น (Interpersonal and Communication Skill) และทักษะด้านการจัดการทางธุรกิจและองค์กร (Organizational and Business Management Skills)
  3. นักบัญชีมืออาชีพต้องมีคุณค่าและมี ทัศนคติที่ดีต่อวิชาชีพอันอยู่บนพื้นฐานของจริยธรรม (Professional Value, Ethic and Attitudes) ได้แก่ ความรับผิดชอบต่อสังคม ความซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ ความสามารถในการรักษาความลับ และความเป็นอิสระ
  4. นักบัญชีมืออาชีพจะต้องมีการสะสม ประสบการณ์เชิงปฏิบัติ(Experience)  เป็นระยะเวลานานและเข้มข้นเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าเป็นนักบัญชีที่มีความ รู้และมีทักษะทางวิชาชีพ รวมทั้งมีความรู้และทัศนคติที่ดีต่อวิชาชีพอันอยู่บนฐานของความมีจริยธรรม โดยมีหน่วยงานที่รับผิดชอบ ควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดและมีกระบวนการตรวจสอบอย่างมีมาตรฐานและสม่ำเสมอ
  5. นักบัญชีมืออาชีพจะต้องสอบผ่านการ ประเมินความสามารถทางวิชาชีพ (Prqfessional Capabilities) ซึ่งจะเป็นการประเมินความรู้และทักษะทางด้านวิชาชีพ ตลอดจนการมีคุณค่า ทัศนคติทางวิชาชีพและจริยธรรม
  6. นักบัญชีมืออาชีพจะต้องมีการเรียนรู้ อย่างไม่จบสิ้น (Lifelong Learning) โดยถือเป็นภาระหน้าที่ที่จะต้องพัฒนา และรักษาความสามารถด้านวิชาชีพ โดยมีกฎเกณฑ์และข้อบังคับให้นักบัญชีได้มีโอกาสได้พัฒนาความรู้ความสมารถทาง ด้านวิชาชีพอย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม
          สำหรับ IES ฉบับที่ 8 ได้กล่าวถึง ความสามารถของผู้ตรวจสอบบัญชีมืออาชีพ (Audit Professional) ว่าจะต้องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเป็นนักบัญชีมืออาชีพดังกล่าวข้างต้น (IES1-7) และจะต้องมีความรู้ความสามารถทั้งทางดานการตรวจบัญชี บัญชีเงินและการรายงานตามระดับสูง รวมทั้งทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ตลอดจนทักษะทางวิชาชีพที่จำเป็นต่อการตรวจสอบบัญชี การมีคุณค่าบนพื้นฐานของจริยธรรมและทัศนะคติที่ดีทางวิชาชีพ รวมถึงการมีประสบการณ์เชิงปฏิบัติ และที่สำคัญต้องสอบผ่านการประเมินความสามารถเป็นผู้สอบบัญชีมืออาชีพ นอกจากนี้ IES ฉบับที่8 ยังได้กล่าวถึงคุณสมบัติของผู้สอบบัญชีมืออาชีพที่ทำงานในสภาพแวดล้อมและ อุตสาหกรรมเฉพาะอีกด้วย
ที่มา : ดร.สันสกฤต วิจิตรเลขการ. 2549 International Standards (IES) กับวิชาชีพบัญชีในประเทศ, จุลสารสมาคมบัญชีไทย ปีที่3 ฉบับที่1, บริษัทธรรมนิติเพรส จำกัด

จรรยาบรรณนักบัญชีตามวิถีพุทธ

อาชีพนักบัญชีเป็นอาชีพที่มีความรับผิดชอบสูง นักธุรกิจสามารถนำตัวเลขทางบัญชีไปวิเคราะห์ผลการประกอบการ ดูแนวโน้มทางธุรกิจ คาดคะเนการขาย วางเป้าหมายธุรกิจ และการใช้ข้อมูลทางบัญชีวิจัยทางด้านตลาด ส่วนภาครัฐบาลสามารถนำตัวเลขไปวางแผนด้านงบประมาณ การจัดเก็บภาษี วิเคราะห์ความเจริญเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศ (GDP)ฯลฯ ดังนั้นอาชีพนักบัญชีก็ไม่ต่างกับอาชีพแพทย์ นักกฎหมาย ที่ต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพ ซึ่ง ณ ปัจจุบัน สภาวิชาชีพบัญชี ซึ่งเป็นองค์กรนิติบุคคลระดับประเทศได้ออกพระราชบัญญัติ พุทธศักราช 2547 ว่าด้วย จรรยาบรรณนักบัญชี ที่ดี ดังนี้
  1. มีความซื่อสัตย์ สุจริต
  2. มีความละเอียดรอบคอบ
  3. รักษาความลับทางด้านบัญชีของหน่วยงานและบุคคลที่เกี่ยวข้อง
  4. ไม่นำเอกสารทางด้านบัญชีไปเผยแพร่ต่อบุคคลภายนอก โดยไม่ได้รัอนุญาต                                   นักบัญชีที่ดีต้องยึดถือตามวิถีพุทธ พึงมีคุณสมบัติสามารถปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนักบัญชีตาม สารสำคัญดังกล่าว เพื่อจัดทำ ควบคุม ดูแล ตรวจสอบ และรายงานฐานะทางการเงิน และรายละเอียดอื่น ๆ ด้านการบัญชีของ บริษัท องค์กร สถานประกอบการ เยี่ยงนักบัญชีที่มีความรู้ ทักษะ ความสามารถและมีคุณธรรม ในสาขาของตน และเป็นผู้ที่ทรงไว้ซึ่งความซื่อสัตย์ ซื่อตรง รักษาจรรยาบรรณของนักบัญชีอย่างเที่ยงตรง โดยมีศีล คือประพฤติดีมีความซื่อสัตย์ สมาธิ คือ มีสติทำงานด้วยความรอบคอบ ปัญญา คือ รู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงของโลกรักษาความลับขององค์กรและลูกค้า

    นักบัญชีต้องสร้างความตระหนักคุณความดีในวิชาชีพ โดยยึดหลักศีลคือความซื่อสัตย์ สมาธิคือ ความละเอียด รอบคอบในการทำงาน และปัญญาคือความมุ่งมั่นดำเนินงานของตนจนเกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายที่วาง ไว้ไม่ก่อความเดือดร้อนไม่เบียดเบียนผู้อื่น ก็ได้ชื่อว่าเป็นนักบัญชีที่ดีได้จรรโลงคุณธรรมความดีตามวิถีพุทธแล้ว  
 ที่มา  : บ้านจอมยุทธ

นักบัญชีมืออาชีพ (Professional Accountant)

การทำบัญชีเพื่อการจัดการเรามีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้งบการเงินที่ถูกต้องและรวดเร็วเพื่อมาใช้ในการพัฒนาธุรกิจและวางแผนภาษี ดังนั้นปัจจัยสำคัญต่อไปที่จะช่วยให้เราสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวได้ก็คือ
สมุห์บัญชีหรือผู้จัดการฝ่ายบัญชีของท่าน คือต้องเป็นคนที่มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับบัญชี ภาษี ของกิจการ
ของ ท่านว่าจะต้องควบคุมงานบัญชีอย่างไรจึงจะถูกต้องตามหลักการบัญชีและกฎหมาย ภาษี ต้องกระตือรือร้น ที่จะคอยศึกษาว่ากฎหมายที่เกี่ยวข้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรและมีผลกระทบอะไร แก่กิจการบ้าง

พูดง่ายๆว่าเขาต้องเป็นนักบัญชีมืออาชีพ(Professional Accountant)นั่นเอง
 
 
โดยทั่วไปกิจการเอ็สเอ็มอีของไทย เจ้าของธุรกิจหรือภรรยาจะเป็นผู้ดูแลเกี่ยวกับการเงิน ถ้างานล้นมือก็จะ
จ้างเด็กเพิ่งจบ ปวช.มาช่วยโดยจะไม่จ้างพนักงานบัญชีระดับปริญญาตรีเพราะประหยัด

ส่วนเรื่องบัญชี หรือ ภาษี ค่อยว่าจ้างสำนักงานบัญชีจัดการให้ โดยจะส่งเอกสารไปและทุกเดือนก็จะมีแบบ
ฟอร์มภาษีมาให้เซ็นต์แล้วสำนักงานบัญชีก็จะจัดการนำส่งให้

พอสิ้นปีกลางปี ก็จะส่งแบบฟอร์มภาษีเงินได้นิติบุคคลมาให้เซ็นต์
ท่านก็เซ็นต์ไปและก็ไม่ได้สนใจว่าเขาทำอะไรให้ท่านเพราะท่านคิดว่าท่านไม่มีความรู้ในเรื่องเหล่านี้ไม่รู้เสีย
ด้วยซ้ำว่างบการเงินที่ยื่นให้กรมสรรพากรไปทุกปีนั้นถูกต้องครบถ้วนเพียงใด

การจ้างนักบัญชีระดับปริญญาตรี ที่มีประสบการณ์ เป็นเรื่องยากเพราะค่าตัวแพงและอยู่ได้ไม่นานก็ลาออก
                
เพราะนักบัญชีมักจะหางานง่าย แต่ถ้าไม่ลาออกก็มักจะอยู่แบบเจ้าแม่แม้กระทั่งเจ้านายก็สั่งไม่ได้ งบการเงิน
ไม่เคยมีให้ดูแบบเดือนต่อเดือน เพราะอ้างว่างานเยอะ จะให้ใช้โปรแกรมบัญชีก็บอกว่ายุ่งยาก เจ้านายถาม
มากก็น้อยใจ ขอลาออก
คนเป็นเจ้านายก็ได้แต่กดดันอยู่ภายในไม่สามารถแก้ปัญหาได้เพราะตนเองก็ไม่
รู้เรื่องบัญชี

คำถามก็คือ ทำอย่างไรจึงจะได้บุคลากรทางบัญชีมืออาชีพมาช่วยดูแลกิจการได้ในต้นทุนที่ต่ำแต่ยั่งยืน
เรามาดูตัวอย่างของเอ็สเอ็มอีที่บริหารโดยชาวต่างชาติในประเทศไทยว่าเขาหานักบัญชีมืออาชีพมาดูแล
กิจการของเขาด้วยวิธีใด

ในต่างประเทศเขาจะจ้างพนักงานประจำเท่าที่จำเป็น ส่วนงานที่ไม่ใช่งานหลัก เขามักจะนิยมจ้างผู้บริการ
ภายนอกเข้ามา คนไทยก็เริ่มมีบ้างในปัจจุบันที่เราจ้าง พนักงานทำความ สะอาด รปภ. จากบริษัทฯที่ให้
บริการประเภทนี้โดยเฉพาะ เพราะจะช่วยลดภาระที่ต้องมาฝึกอบรม ควบคุมหรือยิ่งไปกว่านั้นคือการลด
ความความสูญเสียจากการเข้าออกบ่อยของพนักงานประเภทนี้


แม้ว่านักลงทุนต่างชาติจะเห็นความสำคัญของการมีมืออาชีพเกี่ยวกับกฎหมายบัญชี ภาษี มาช่วยดูแลบัญชีของเขา แต่ขณะที่กิจการยังเล็ก อยู่ เขาก็จะประหยัดด้วยการหาบริการบัญชีจากภายนอก มาทำบัญชีให้ทั้งหมดพร้อมทั้งดูแลเรื่องภาษีให้ โดยส่งเอกสารทางด้านบัญชีไปให้ที่สำนักงานของผู้ให้บริการ คล้ายๆกับที่เอ็สเอ็มอีของไทยทำอยู่

สิ่งที่ต่างกันคือเขาจะมีบัญชีชุดเดียว ต้องการเสียภาษีอย่างถูกต้องแต่ประหยัด และเขาจะให้สำนักงานบัญชี
ต้องส่งรายงานงบดุลงบกำไรขาดทุนให้ทุกต้นเดือนของเดือนถัดไป เพื่อนำไปศึกษาวิเคราะห์ผลการดำเนิน
งานและพัฒนาธุรกิจ

เมื่อกิจการของเขาขยายเพิ่มขึ้นเขาก็จะเริ่มจ้างพนักงานบัญชี และเริ่มทำบัญชีภายในเองด้วยการนำโปรแกรม
บัญชีสำเร็จรูป มาช่วยในการออก อินวอยซ์ บันทึกข้อมูลรับ จ่าย เงิน และโปรแกรมบัญชีฯก็จะช่วยออก
รายงานงบดุล งบกำไรขาดทุนได้โดยอัตโนมัติได้ตลอดเวลาและทันทีที่อยากดู

ถึงแม้ว่าโปรแกรมสำเร็จรูปสามารถช่วยเขาได้ถึงขนาดนี้แต่ชาวต่างชาติเหล่านี้ตระหนักดีว่า เขาจะต้องมีผู้ที่
มีความเป็นมืออาชีพและมีคุณภาพ รู้จริงเกี่ยวกับกฎหมายบัญชีภาษีมาช่วยดูแลบัญชีของเขา
เขายังนิยมที่จะใช้บริการบัญชีจากภายนอกที่เชื่อใจให้เข้ามาดูแลการใช้ระบบบัญชีคอมพิวเตอร์ มาช่วยสอน
และตรวจสอบการทำบัญชีและภาษีของพนักงานบัญชีของเขา โดยเข้ามาเดือนละหนึ่งหรือสองครั้ง
โดยเสียค่าใช้จ่ายเพียงสามสิบหรือสี่สิบเปอร์เซ็นต์ของการจ่ายให้พนักงานประจำที่มีประสบการณ์

การที่เขาจ้างมืออาชีพ เขาก็จะแสวงหาประโยชน์จากบริการเหล่านี้อย่างเต็มที่ เขาจะออกแบบรายงาน
ทางการเงินที่เขาต้องการ เพื่อใช้วิเคราะห์ สถานะของกิจการและให้นักบัญชีช่วยวางระบบในโปรแกรม
บัญชีเพื่อให้ได้รายงานตามต้องการและทันเหตุการณ์ทุกเดือน


นักลงทุนต่างชาติมักสนใจหาความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับกฎระเบียบเรื่องบัญชี ภาษี เพื่อดูความถูกต้อง
เพราะสนใจถึงผลกระทบที่จะเกิดกับกิจการของเขา และเมื่อใดก็ตามที่ต้องการทำธุรกิจใหม่ เขาต้องหารือ
เพื่อหาหนทางที่จะทำให้ประหยัดภาษีได้มากที่สุดหลังจากนั้นจึงนำไปวางแผนและเริ่มโครงการใหม่นั้น
หากกิจการของเขาถูกเรียกตรวจจากกรมสรรพากร เขาก็พร้อมที่จะโต้แย้งอย่างตรงไปตรงมา ด้วยเหตุผล
มากกว่าที่จะพยายามสรุปเรื่องด้วยการยอมจ่ายเงินใต้โต๊ะ

เป็นเหตุผลว่าทำไมท่านจึงต้องมีนักบัญชีมืออาชีพเพราะเป็นปัจจัยที่สำคัญที่จะช่วยให้ท่านประสบความ
สำเร็จในการทำบัญชีเพื่อการจัดการเพื่อพัฒนาให้ธุรกิจของท่านเติบโตอย่างยั่งยืน


บทความโดย : ศิริรัตน์ โชติเวชการ
ที่มา : หนังสือพิมพ์บิซิเนสไทย

นักบัญชีกับ AEC


ไปไหนมาไหน ใครๆก็พูดกันถึงแต่ AEC ฮิตขนาดแรงงานต่างด้าวยังบอกว่าอีกหน่อยจะขอค่าแรง 300 บาทแบบคนไทยด้วย จะผิดจะถูกอย่างไรไม่แน่ในเรื่องนี้! 
แต่พอถามคนไทย “AEC มีจะผลอย่างไรกับคนไทย ?” บ้างก็บอกว่า AEC จะทำให้ประเทศไทยพัฒนาก้าวไกล แต่บ้างก็บอกว่าจะมีเพื่อนบ้านมาแย่งงานคนไทยทำซะหมด ฟังคนนั้นทีคนนี้ทีไม่รู้จะเชื่อใคร
แต่สำหรับวิชาชีพบัญชีกับการเปิดเสรี AEC ในปี 2558 วันนี้สภาวิชาชีพบัญชีมีคำตอบ
AEC คืออะไร
ก่อนอื่นคงต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า AEC ย่อมาจาก ASEAN Economic Community ซึ่งเรียกในภาษาไทยว่า ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยในปัจจุบันมีประเทศสมาชิกทั้งหมด 10 ประเทศ ได้แก่ บรูไน กัมพูชา อินโดนิเซีย ลาว มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม โดยมีเป้าหมายหลักในการรวม 10 ประเทศให้เป็นตลาดและฐานผลิตเดียวเพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนภายในกลุ่ม AECเอง และสร้างอำนาจต่อรองทางการค้าการลงทุนกับประเทศนอกกลุ่ม AEC ซึ่งเป็นลักษณะคล้ายกับการรวมกลุ่มของสหภาพยุโรป หรือ EU นั่นเอง

ผลกระทบจาก AEC ในปี 2558
แน่นอนจากการรวมตลาดและฐานผลิตให้เป็นหนึ่งเดียว ย่อมหมายรวมถึงการไหลเวียนเคลื่อนย้ายไปมาอย่างเสรี (Free Flow) ของสินค้า บริการ และเงินทุน หรือเปรียบเทียบง่ายๆ ว่า เมื่อรวมเป็นประชาคมอาเซียนได้ ประเทศไทย และอีก 9ประเทศสมาชิกอาเซียน จะเป็นเสมือนจังหวัดหนึ่งในอาเซียน เพราะฉะนั้นการที่จังหวัดไทย จะส่งสินค้าไปขายในจังหวัดบรูไน หรือจังหวัดสิงคโปร์จะไปลงทุนในจังหวัดกัมพูชา หรือจังหวัดพม่าจะส่งคนไปทำงานในจังหวัดเวียดนาม ก็สามารถทำได้อย่างเสรีเพราะทุกคนคือประชากรของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนโดย ไม่มีการแบ่งแยกประชากรตามแต่ละประเทศในกลุ่มอาเซียนอีกต่อไป

วิชาชีพบัญชีกับการเปิดเสรีทางด้านบริการ
วิชาชีพบัญชีเป็นหนึ่งในสาขาที่อยู่ระหว่างการเจรจารายละเอียดในการเปิดเสรี ในปี 2558 ซึ่งทางสภาวิชาชีพบัญชี เห็นถึงความสำคัญในเรื่องดังกล่าว จึงได้จัดตั้ง “คณะอนุกรรมการการศึกษาและติดตามผลกระทบของ AEC ต่อวิชาชีพบัญชี” ขึ้น เพื่อศึกษาผลกระทบจากเรื่องดังกล่าว และจะนำผลการศึกษาที่ได้เผยแพร่แก่สมาชิกทราบให้ทั่วถึง รวมทั้งเสนอแนะต่อหน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่ในการเจรจา อีกทั้งเสนอผลการศึกษาต่อสภาวิชาชีพบัญชีเพื่อออกกฎระเบียบ เพื่อเป็นการรองรับการเปิดเสรีที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้


ที่มา : สภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์

วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2555

การบัญชีสำหรับกิจการอุตสาหกรรม


  ในการดำเนินธุรกิจ  จะมีลักษณะการดำเนินการ 3 ประเภท คือ

1. ธุรกิจให้บริการ
2. ธุรกิจซื้อขายสินค้า
3. ธุรกิจผลิตสินค้าเพื่อขาย(กิจการอุตสาหกรรม)

กิจการอุตสาหกรรม คือ กิจการที่ซื้อวัตถุดิบแล้วนำมาผลิตตามกรรมวิธีหรือกระบวนการผลิตออกมาเป็นสินค้าสำเร็จรูป เพื่อจัดจำหน่าย
          กิจการที่ผลิตเพื่อขาย หรือรับจ้างผลิต จำเป็นต้องมีการจัดทำบัญชีที่สามารถคำนวณต้นทุนของผลิตภัณฑ์  เพื่อนำข้อมูลไปใช้ในวัตถุประสงค์ต่างๆ  ซึ่งวิธีการบัญชีที่จะนำข้อมูลที่บันทึกไว้จากบัญชีการเงินมาคำนวณหาต้นทุนผลิตภัณฑ์  จะต้องสัมพันธ์กับการคำนวณหาต้นทุนของผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่ผลิตสำเร็จในแต่ละงวด

สินค้าคงเหลือ ของกิจการอุตสาหกรรม  ประกอบด้วย

 

1. วัตถุดิบ  (RAW  MATERIAL)  หมายถึง  วัตถุซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญของสินค้า
สำเร็จรูปขั้นต้นที่ได้ถูกแปลงสภาพ โดยกรรมวิธีการผลิตออกมาเป็นสินค้าสำเร็จรูป  วัตถุดิบนี้จะเป็นสินค้าคงเหลือเมื่อสิ้นงวดบัญชี  และจะปรากฏในงบดุล ด้านสินทรัพย์หมุนเวียน

2. งานระหว่างทำ  (WORK IN PROCESS)  หมายถึง  วัตถุดิบที่อยู่ในระหว่าง
กระบวน การผลิตซึ่งยังผ่านกระบวนการผลิตไม่ครบถ้วน เป็นงานที่อยู่ระหว่างการผลิต หรือสินค้าระหว่างผลิต ซึ่งงานที่อยู่ระหว่างการผลิต ยังไม่ถือเป็นสินค้าสำเร็จรูป แต่จะถือเป็นสินค้าคงเหลือปลายงวดของกิจการ จะปรากฏในงบดุลด้านสินทรัพย์หมุนเวียน

3. สินค้าสำเร็จรูป  (FINISHED  GOODS)  หมายถึง  วัตถุดิบที่ได้ผ่านกรรมวิธีการ
ผลิต ครบถ้วนตามกระบวนการผลิตและอยู่ในสภาพพร้อมที่จะขายได้ ณ วันสิ้นงวดบัญชี จะเป็นสินค้าคงเหลือปลายงวด จะปรากฏในงบดุล ด้านสินทรัพย์หมุนเวียน

4. วัสดุโรงงาน  (FACTORY  SUPPLIES)  วัสดุที่ใช้เป็นส่วนประกอบในการแปรรูป
วัตถุดิบให้เป็นสินค้าสำเร็จรูป เช่น ด้ายที่ใช้เย็บเสื้อ  ตะปูที่ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ กาวที่ใช้ทำกล่องกระดาษเป็นต้น

ตัวอย่าง การแสดง บัญชีสินค้าคงเหลือ ในงบดุล

บริษัท........จำกัด
งบดุล(บางส่วน)
สินทรัพย์

สินทรัพย์หมุนเวียน

          เงินสด                                                                    xx
          เงินฝากสถาบันการเงิน                                                xx
          ลูกหนี้การค้า                                                             xx
          สินค้าคงเหลือ :-
-         วัตถุดิบ                                           xx
-         งานระหว่างทำ (สินค้าระหว่างผลิต)        xx
-         สินค้าสำเร็จรูป                                  xx
-         วัสดุโรงงาน                                     xx                xx

ต้นทุนผลิตภัณฑ์  (COST OF GOODS MANUFACTURED)  แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ
1. วัตถุดิบทางตรง  (DIRECT MATERIALS)             DM
2. แรงงานทางตรง  (DIRECT LABOR)                    DL
3. ค่าใช้จ่ายในการผลิต/โสหุ้ยการผลิต  (OVERHEAD) OH

วัตถุดิบทางตรง  (DIRECT MATERIALS)  หมายถึง  สิ่ง ที่กิจการอุตสาหกรรม นำมาประกอบหรือเปลี่ยนแปลงกระบวนการหรือวิธีการให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่สำเร็จ รูป เพื่อนำออกจำหน่าย เช่นผ้า ผลิตเสื้อหรือกางเกง  น้ำตาลและแป้ง ผลิตขนมเค้ก  วัตถุ ดิบทางตรง จึงถือเป็นวัตถุดิบหลักที่สำคัญในการผลิตสินค้านั้นๆและสามารถตีราคาได้ จับต้องได้ มีการนำออกมาใช้ในการผลิตด้วยจำนวนที่แน่นอน มีราคาในอัตราส่วนที่สูงต่อต้นทุนในการผลิต

แรงงานทางตรง  (DIRECT LABOR)  หมายถึง  ค่า จ้างแรงงานที่จ่ายให้คนงานหรือพนักงานที่ทำหน้าที่ในการประกอบหรือเปลี่ยน สภาพจากวัตถุดิบมาเป็นสินค้าสำเร็จรูปโดยตรง เป็นต้นทุนค่าแรงงานที่เป็นส่วนสำคัญต่อกระบวนการผลิตสินค้าสำเร็จรูปนั้นๆ

ค่าใช้จ่ายในการผลิต/โสหุ้ยการผลิต  (OVERHEAD)  หมายถึง  ค่าใช้จ่ายที่กิจการได้จ่ายไปในกระบวนการผลิตสินค้าสำเร็จรูป นอกเหนือจาก ค่าวัตถุดิบทางตรง ค่าแรงงานทางตรง  เช่น วัตถุดิบทางอ้อม ค่าแรงงานทางอ้อม วัสดุโรงงานใช้ไป ค่าไฟฟ้าโรงงาน ค่าเช่าโรงงาน ค่าเสื่อมราคาเครื่องจักร ค่าสิทธิบัตรตัดบัญชี

          ในกระบวนการผลิตสินค้าสำเร็จรูป ต้นทุนผลิตภัณฑ์ทั้ง 3 ชนิดนั้น ในกรณีของ ค่าแรงงานทางตรง และ ค่าใช้จ่ายในการผลิต จะถือว่าเป็น  ต้นทุนแปลงสภาพ  (Conversion  Cost) หมายถึง  ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิต เพื่อเปลี่ยนสภาพของวัตถุดิบ ให้เป็นสินค้าสำเร็จรูป

ระบบบัญชีของกิจการอุตสาหกรรม

          กิจการที่นำวัตถุดิบมาผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูป จะแบ่งการบันทึกบัญชีเป็น 2 ระบบ คือ
1. ระบบต้นทุนงานสั่งทำ  (JOP  ORDER  COSTING  SYSTEM)
2. ระบบต้นทุนผลิตช่วง  (PROCESS  COSTING  SYSTEM)

ระบบต้นทุนงานสั่งทำ  (JOP ORDER COSTING SYSTEM)
          เป็นระบบบัญชีที่แยกต้นทุนการผลิตออกเป็นงาน เป็น Lot  ซึ่งมีข้อแตกต่างในการผลิตแต่ละงานไม่ว่าจะเป็น จำนวนที่ผลิต รูปแบบ ขนาดที่ต้องการ หรือ วัตถุดิบที่นำมาใช้ในกระบวนการผลิต  การคำนวณต้นทุนในระบบนี้ จะแยกการบันทึกต้นทุนออกเป็นงานๆ จนกว่างานนั้นจะผลิตเสร็จสมบูรณ์
          เอกสารที่ใช้กับระบบต้นทุนงานสั่งทำ
1.     ใบต้นทุนงานสั่งทำ (JOB ORDER COST SHEET)  เป็นเอกสารที่ทำขึ้นในแต่ละงาน 
เพื่อทำการรวบรวมต้นทุนในการผลิต คือ ต้นทุนวัตถุดิบ ต้นทุนค่าแรงงาน ต้นทุนโสหุ้ย
การผลิต
2.     ใบเบิกวัตถุดิบ  เป็นเอกสารเพื่อควบคุมการเบิกวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตแต่ละครั้ง
3.     บัตรลงเวลาค่าแรงงาน  เป็นเอกสารระบุระยะเวลาในการทำงาน อัตราค่าแรงงาน ของ
พนักงานที่ทำหน้าที่ผลิตสินค้า

ระบบต้นทุนผลิตช่วง  (PROCESS COSTING SYSTEM)
          เป็น ระบบต้นทุนการผลิต ที่ช่วงการผลิตในแต่ละช่วงจะต้องมีการผลิตติดต่อไปเรื่อยๆ จากแผนกหนึ่งจะต้องโอนไปผลิตอีกแผนกหนึ่ง จนกว่าจะสิ้นสุดกระบวนการผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูป
          ปกติแล้วกิจการที่มีการผลิตเป็นต้นทุนช่วงนั้น มักจะมีการผลิตสินค้าที่มีลักษณะแบบเดียวกันและมีจำนวนมาก  การผลิตจะเป็นการผลิตตลอดทั้งปี เช่น โรงงานผลิตคอมพิวเตอร์ โรงงานผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป โรงงานผลิตรองเท้า โรงงานผลิตปูนซีเมนต์ ฯลฯ
ที่มา    Copyright © 2010 All Rights Reserved.

ศัพท์บัญชี

 ที่มา  http://www.buncheeaudit.com/accountvocab.htm
accounting procedure
 
วิธีการบัญชี
accounting records
 
บันทึกทางการบัญชี
accounting standard
 
มาตรฐานการบัญชี
accounting standard
 
มาตรฐานการบัญชี
accounting system
 
ระบบบัญชี
accounting transaction
 
รายการทางบัญชี
accounting unit
 
หน่วยงานการบัญชี
accounting valuation
 
การกำหนดมูลค่าทางการบัญชี
accrual
 
ค้างรับค้างจ่าย
accrual basis
 
เกณฑ์ค้างรับค้างจ่าย, เกณฑ์สิทธิ
accrued dividend
 
เงินปันผลค้างจ่าย
accrued expense
 
ค่าใช้จ่ายค้างจ่าย
accrued income
 
รายได้ค้างรับ
accrued interest
 
ดอกเบี้ยค้างจ่าย
accrued interest payable
 
ดอกเบี้ยค้างจ่าย
accued interest receivable
 
ดอกเบี้ยค้างรับ
accumulate
 
สะสม
accumulated depreciation
 
ค่าเสื่อมราคาสะสม
accumulated dividend
 
เงินปันผลสะสม
accured liability
 
หนี้สินค้างจ่าย
acount receivable financing
 
การจัดหาเงินโดยบัญชีลูกหนี้การค้า
activity
 
กิจกรรม
actual cost
 
ต้นทุนจริง
added value
 
มูลค่าเพิ่ม
adjusted entry
 
รายการปรับปรุง
adjusted trial balance
 
งบทดลองหลังการปรับปรุง
adjustment
 
การปรับปรุงรายการ
administrative accounting
 
การบัญชีบริหาร
administrative audit
 
การตรวจสอบด้านบริหาร
administrative expense
 
ค่าใช้จ่ายในการบริหาร